ค้นหาบล็อกนี้

วันศุกร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

คำพิพากษา...2478

เมื่อ 74 ปีที่แล้ว ทหารชั้นยศนายสิบ ก็กล้าหาญชาญชัยปานนี้ ก่อการกบฎ เดี๋ยวนี้นายสิบเขาทำอะไรกันบ้าง??
คำพิพากษาของศาลพิเศษที่ตั้งขึ้นมาเพื่อ พิจารณากรณี กบฏนายสิบ โดยเฉพาะ มีรายละเอียดดังนี้

ศาลพิเศษ
วันที่ 16 สิงหาคม พุทธศักราช 2478
ความอาญา
อัยการพิเศษ โจทก์
ระหว่าง ส.ท.หม่อมหลวงทวีวงศ์ วัชรีวงศ์ ที่ 1 กับพวก จำเลย
จำเลยกระทำความผิดฐานกบฏ
ข้าพเจ้าอัยการพิเศษ โจทก์ สังกัดกระทรวงกลาโหม ขอยื่นฟ้องต่อศาลมีข้อความจะกล่าวต่อไปนี้

1) ภายหลังที่ประเทศสยามได้เปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองจากราชาธิปไตย มาเป็นประชาธิปไตยโดยมีพระมหากษัตริย์ตามรัฐธรรมนูญเป็น ต้นมา จำเลยต่าง ๆ ซึ่งมีตำแหน่งตามบัญชีท้ายฟ้องนี้กับพวกที่ยังจับตัวไม่ได้ ได้บังอาจสมคบร่วมคิดตระเตรียม โดยมีแผนการทำลายล้มล้างรัฐธรรมนูญและพระมหากษัตริย์ ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์และรัฐบาล เพื่อเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองของประเทศสยามให้เป็นอย่างอื่น

2) ด้วยเจตนาดังกล่าวแล้วในข้อ 1) ระหว่างเดือนมิถุนายน จนถึงวันที่ 3 สิงหาคม ศกนี้ จำเลยกับพรรคพวกได้ยุยงเกลี้ยกล่อมส้องสุมผู้คน ตระเตรียมสรรพศัตราวุธในกองทัพสยามและที่ต่าง ๆ กัน แบ่งหน้าที่จำเลยกับพวกเข้ากำกับในการทหาร และที่ทำการต่าง ๆ ของรัฐบาลเพื่อยึดอำนาจการปกครองโดยฆ่าผู้บังคับบัญชาและจะได้จับนายพันเอกหลวงพิบูลสงคราม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กับนายพันเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา ผู้บัญชาการทหารบกและนายกรัฐมนตรีไว้เป็นประกันก่อน ถ้าขัดขวางไม่ยินยอมหรือจำเลยกับพวกคนใดคนหนึ่งถูกประทุษร้ายก็ให้ฆ่าบุคคล ทั้งสองนั้นเสีย แต่หลวงประดิษฐมนูธรรมให้จับตาย แล้วตั้งตนเองและพรรคพวกขึ้นครองตำแหน่งบัญชาการแทน และจัดกำลังไปทำการยึดสถานที่ทำการของรัฐบาลกับรักษาสถานทูตต่าง ๆ

3) เพื่อให้สำเร็จตามความมุ่งหมายของจำเลยกับพวก จำเลยจะประหารชีวิตข้าราชการในรัฐบาลบางจำพวกให้หมดเสี้ยนหนามหรือศัตรูขัด ขวางแก่พวกจำเลยต่อไป ทั้งจะปลดปล่อยนักโทษการเมืองเมื่อ พ.ศ.2476 ซึ่งต้องโทษอยู่ในเรือนจำมหันตโทษทั้งหมด

4) ในการเปลี่ยนแปลงการปกครองนี้ จำเลยจะขับไล่พระมหากษัตริย์ในรัชกาลปัจจุบันออกจากราชสมบัติ และฆ่าพระองค์เจ้าอาทิตย์ทิพยอาภา ขณะทำหน้าที่ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในพระเจ้าอยู่หัวรัชการปัจจุบัน และหม่อมเจ้าวรรณไวทยากร วรวรรณ ตลอดทั้งสกุลวรวรรณ แล้วอัญเชิญพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 7 กลับขึ้นครองราชสมบัติแทนต่อไป

5) การกระทำของจำเลยยังไม่สำเร็จลุล่วงไปตามแผนการทั้งหมดโดยรัฐบาลได้ล่วงรู้เสียก่อน จึงเริ่มทำการจับกุมเมื่อวันที่ 3 เดือนนี้

6) การกระทำของจำเลยดังกล่าวแล้ว มีความผิดฐานกบฎภายในราชอาณาจักร และประทุษร้ายต่อพระบรมราชตระกูล และก่อการกำเริบให้เกิดวุ่นวายถึงอาจเกิดเหตุร้ายในบ้านเมือง แล้วยังทำให้ประชาชนเสื่อมความนิยมและเป็นที่หวาดหวั่นต่อการปกครองระบอบรัฐ ธรรมนูญ กับทำให้ทหารไม่พอใจเพื่อความกระด้างกระเดื่องไม่กระทำตามคำสั่งข้อบังคับ ของทหาร หมิ่นประมาทแสดงความอาฆาตมาดร้ายผู้บังคับบัญชา ละเลยไม่กระทำตามหน้าที่ ทั้งหย่อนวินัยและสมรรถภาพแก่กรมกองทหารให้เสื่อมลง

7) จำเลยทั้งหมดถูกขังในศาลว่าการกลาโหมตั้งแต่วันที่ถูกจับ อัยการพิเศษได้ไต่สวนแล้ว คดีมีมูล จึงส่งจำเลยมาฟ้องยังศาลนี้ เหตุเกิดในกองรถรบ วังปารุสกกวัน กองพันทหารราบที่ 1 ,2,3,4, และบริเวณสนามหลวงกับที่อื่น ๆ ในจังหวัดพระนคร เป็นต้น

คำขอท้ายฟ้อง

การที่จำเลยได้กระทำตามข้อความที่กล่าวมาในฟ้องนั้น โจทก์ถือว่าเป็นความผิดล่วงพระราชอาญาตามพระราชบัญญัติจัดการป้องกันรักษา รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2476 มาตรา 3 ประมวลกฎหมายมทหารมาตรา29,30,31,32,33,41,42, และพระราชบัญญัติแก้ไขประมวลกฎหมายลักษณะอาญาทหาร พ.ศ.2476 มาตรา 52 กฎหมายลักษณะอาญามาตรา 97,102,63,64,65, และพระราชบัญญัติแก้ไขกฎหมายลักษณะอาญา พ.ศ.2470 มาตรา 3,4,

ลงนาม นายพันเอกพระขจรเนติยุทธ
นายร้อยเอกขุนทอง สุนทรแสง
นายร้อยเอกขุนโพธัยการประกิต
นายดาบกิม ศิริเศรษโฐ
นายดาบไสว ดวงมณี
นายสำราญ กาญจนประภา
นายทิ้ง อมรส

ผลการพิพากษาในวันที่ 30 กันยายน พุทธศักราช 2478

คุกตลอดชีวิต 8 คน คือ


ส.ท.ม.ล.ทวีวงศ์ วัชรีวงศ์
ส.อ.เข็ม เฉลยทิศ
ส.อ.ถม เกตุอำไพ
ส.อ.เท้ง แซ่ซิ้ม
ส.อ.กวย สินธุวงศ์
ส.ท.แผ้ว แสงสูงส่ง
ส.ท.สาสน์ คลกุล
จ่านายสิบสาคร ภูมิทัต

จำคุก 20 ปี 3 คน คือ

ส.อ.แช่ม บัวปลื้ม
ส.อ.ตะเข็บ สายสุวรรณ
ส.ท.เลียบ คหินทพงษ์

จำคุก 16 ปี คนเดียวคือ นายนุ่ม ณ พัทลุง

และประหารชีวิต ส.อ.สวัสดิ์ มหะหมัด ที่ป้อมพระจุลจอมเกล้า
ขอบคุณ วีกิพีเดีย...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น