วันจันทร์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2552
คนเสื้อแดง...
วีระ มุสิกพงศ์
นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) อดีตรัฐมนตรี และ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคไทยรักไทย มีฉายาว่า ไข่มุกดำ เป็นผู้นำเคลื่อนไหวต่อต้าน คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ ในปี พ.ศ. 2550 และอดีตผู้ดำเนินรายการ "ความจริงวันนี้" ทางเอ็นบีที
ประวัติ
นายวีระ มุสิกพงศ์ เกิดเมื่อ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2491ที่จังหวัดสงขลา เป็นบุตรของ นายเคล้า และนางส่อง มุสิกพงศ์ จบการศึกษานิติศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปี พ.ศ. 2515 สมรสกับนางศรีวิไล มุสิกพงศ์ (ประสุตานนท์)
การเมือง
นายวีระ มุสิกพงศ์ เคยเป็นนักเขียนและนักข่าวของหนังสือพิมพ์สยามรัฐ เริ่มเส้นทางการเมืองกับพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อ พ.ศ. 2518 เป็น ส.ส. เขตพญาไท ได้เป็นโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลหม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช เมื่อ พ.ศ. 2519 แต่กลับร่วมมือกับฝ่ายค้าน ลุกขึ้นอภิปรายนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคของตัวเอง เนื่องจากไม่พอใจที่รัฐบาลยินยอมให้จอมพลถนอม กิตติขจร เดินทางเข้าประเทศ จนเป็นเหตุให้เกิดเหตุการณ์ 6 ตุลา
ช่วง พ.ศ. 2519-2522 เกิดความขัดแย้งกับนายสมัคร สุนทรเวช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เพื่อนร่วมพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งต่อมาลาออกไปตั้งพรรคประชากรไทย และได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในรัฐบาลนายธานินทร์ กรัยวิเชียร นายสมัครเขียนหนังสือชื่อ "สันดานนักหนังสือพิมพ์" ส่วนนายวีระได้เขียนหนังสือโต้ตอบนายสมัคร ชื่อว่า "สันดานรัฐมนตรี" พิมพ์ครั้งแรกเมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2521 พร้อมกับได้ลงทุนสร้างภาพยนตร์ไทย ชื่อเรื่อง "ไอ้ซ่าส์...จอมเนรคุณ" กำกับโดย ชุมพร เทพพิทักษ์ แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกเซ็นเซอร์ไม่ให้ออกฉาย เพราะมีเนื้อหาเสียดสีนายสมัคร ซึ่งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีในขณะนั้น
ในเหตุการณ์กบฏ 26 มีนาคม พ.ศ. 2520 โดย พล.อ.ฉลาด หิรัญศิริ เพื่อโค่นล้มรัฐบาลนายธานินทร์ กรัยวิเชียร แต่ไม่สำเร็จ นายวีระเข้ามามีส่วนร่วมด้วย และถูกจำคุกด้วยข้อหากบฏ
ภายหลังจากได้รับอิสรภาพ ในปี พ.ศ. 2522 นายวีระได้ลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขตดุสิต ซึ่งเป็นเขตที่นายสมัคร สุนทรเวช เป็น ส.ส.เก่าอยู่ และพ่ายแพ้อย่างยับเยิน
ในรัฐบาลพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ นายวีระได้ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรี 3 สมัย คือ
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 11 มีนาคม 2524
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม 19 ธันวาคม 2524
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย 7 ธันวาคม 2526
ปี พ.ศ. 2529 นายวีระได้ตำแหน่งเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ จนปี พ.ศ. 2531 และต้องคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ในการปราศรัยหาเสียงที่จังหวัดบุรีรัมย์ ต้องโทษจำคุก 4 ปี ที่เรือนจำจังหวัดบุรีรัมย์ [4] ตั้งแต่วันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2531 เมื่อจำคุกได้ประมาณหนึ่งเดือน ก็ได้รับการปล่อยตัวเนื่องจากได้รับพระราชทานอภัยโทษ โดยคำขอพระราชทานอภัยโทษ ลงนามเสนอโดยพลเอกประจวบ สุนทรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในรัฐบาลพลเอกเปรม ติณสูลานนท์
ต่อมาพรรคประชาธิปัตย์เกิดการแตกแยก มีขั้วของนายชวน หลีกภัย กับขั้วของนายวีระ มุสิกพงศ์ ซึ่งเรียกว่า " กลุ่ม 10 มกรา " โดยนายวีระต้องการนายเฉลิมพันธ์ ศรีวิกรม์ ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค ขณะที่กลุ่มนายชวน ต้องการนายพิชัย รัตตกุล เป็นหัวหน้าพรรค โดยมีพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ เป็นเลขาธิการพรรค ครั้งนั้น กลุ่มนายวีระ พ่ายแพ้ ต้องนำทีมออกจากประชาธิปัตย์ไปตั้งพรรคประชาชน แต่ยุบในเวลาต่อมา และกลายไปเป็นคนสนิทของ พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ในพรรคความหวังใหม่เมื่อพรรคความหวังใหม่ ควบรวมกับพรรคไทยรักไทย นายวีระ มุสิกพงศ์ กลับมาเป็นส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคไทยรักไทย
ในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ นายวีระ มุสิกพงศ์ ได้เข้าร่วมปราศรัยต่อต้านรัฐบาล ต่อมาวีระถูกรัฐบาลออกหมายจับ ซึ่งนายวีระเข้ามอบตัวโดยไม่ขอประกันตัว และถูกฝากขังที่โรงเรียนพลตำรวจบางเขน เช่นเดียวกับ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และน.ส.จิตราวดี วรฉัตร ลูกสาวของ ร.ต.ฉลาด วรฉัตร ต่อมาถูกปล่อยตัวหลังจากเหตุการณ์สงบ และพล.อ.สุจินดา คราประยูร ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
ในการเลือกตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2538 นายวีระเคยจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาชื่อ " พรรคดำรงไทย " โดยมีตนเองเป็นหัวหน้าพรรค แต่ไม่ประสบความสำเร็จในการเลือกตั้ง
ในปี พ.ศ. 2550 นายวีระ เป็นแกนนำคนหนึ่งของ " แนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ " (นปก.) จัดเวทีปราศรัยที่สนามหลวงโจมตีรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหารและคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ รวมทั้งบางครั้งยังพาดพิงไปถึงประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการรัฐประหารด้วย
ในปี พ.ศ. 2551 นายวีระได้เป็นหนึ่งในพิธีกรรายการความจริงวันนี้ ทาง NBT โดยร่วมกับนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และนายจตุพร พรหมพันธุ์ เพื่อตอบโต้และวิพากษ์วิจารณ์การเคลื่อนไหวของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ชุมนุมขับไล่รัฐบาลในขณะนั้น
ในวันที่ 15 ธันวาคม 2551 พ.ต.ท.สุเมธ จิตต์พานิชย์ รอง ผกก.สส.สน.ชนะสงคราม เปิดเผยถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีต่อนายวีระ มุสิกพงศ์ กรณีปราศรัยที่ท้องสนามหลวง เข้าข่ายหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี และองค์รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ว่า ภายในสัปดาห์นี้พนักงานสอบสวนจะส่งสรุปสำนวนการสอบสวนทั้งหมดให้คณะกรรมการกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พิจารณาส่งต่อไปยังคณะกรรมการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ระดับ ตร. พิจารณาเห็นชอบให้อัยการสั่งฟ้องหรือไม่ต่อไป
นายวีระ รวมกับพวกอีก 7 คน ถูกแจ้งข้อหาหมิ่นประมาทโดยนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จากกรณีร่วมกันจัดรายการความจริงวันนี้ เมื่อวันที่ 20 - 21 สิงหาคม กล่าวอ้างถึงนายสนธิ ว่าเป็นบุคคลล้มละลาย เป็นหนี้แล้วไม่ยอมใช้แต่อยากมากู้ชาติ โดยศาลรับคำฟ้องไว้พิจารณาและนัดไต่สวนมูลฟ้องในวันที่ 15 ธันวาคม เวลา 09.00 น.
โดนควบคุมตัววันที่ 14 เมษายน 2552 ในฐานะแกนนำคนเสื้อแดงและก่อการจลาจลในประเทศ
ครอบครัวและสังคม
เคยสร้างความฮือฮามาก่อนด้วยการบอกสารภาพรักต่อ จารุณี สุขสวัสดิ์ นางเอกชื่อดัง และเคยเข้าไปเยี่ยมจารุณีขณะนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลด้วย แต่ทางจารุณีได้ปฏิเสธ แต่ต่อมาได้แต่งงานกับ ศรีวิไล ประสุตานนท์ ภรรยาคนปัจจุบันที่ก็เคยเป็นนางเอกละครของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และดาวมหาวิทยาลัยมาก่อน มีบุตรชาย 3 คน คือ นายวีรพัฒน์ มุสิกพงศ์ หรือแชมป์ บุตรชายคนโต ปัจจุบันทำงานเป็นนักบินให้กับสายการบินบางกอกแอร์เวย์ ของบริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) บุตรชายคนรองคือนายประชาธิป มุสิกพงศ์ หรือสิงห์ มือกีตาร์ของวงดนตรี สควีซ แอนิมอล และเปิดร้านขายเสื้อผ้าในโซน Dazzie ชั้น G ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์พลาซ่า ส่วนบุตรชายคนเล็กเพิ่งจบการศึกษาด้านกราฟิกดีไซน์เนอร์จากประเทศอังกฤษ
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก
มหาปรมาภรณ์มงกุฎไทย
ข้อมูลจากวิกีพีเดีย
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
วีระกานต์ มุสิกพงศ์ มีลูกชายนอกสมรส ชื่อ กฤษณะ มุสิกพงศ์ อายุ3 ขวบ ซึ่ง นายวีระกานต์ ไม่ได้ดูแลและส่งเสีย เป็นเวลา 4-5 เดือนแล้ว ในเมื่อลูกยังดูแลไม่ได้ อย่าไปดูแลหรือสู้เพื่อประชาธิปไตยเลย
ตอบลบ