ค้นหาบล็อกนี้

วันศุกร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ลุงธรรม...คนเสื้อแดงหัวใจประชาธิปไตย


ลุงธรรม
icon ID # 810231 - โพสต์เมื่อ : 2009-06-19 15:13:26 _ ปิดข้อความ ex-link
เรียนคนเสื้อแดงหัวใจประชาธิปไตยทุกท่าน.....โปรดฟังลุงนิด
เวลาลุงเดินทางไปแจกยาหยอดตาในที่ต่าง ๆ
แจก ซีดี แจกเอกสาร นั่งอธิบายให้เขาฟัง..
ลุงได้สัจธรรมหลายอย่าง ซึ่งสรุปได้ดังนี้
- ใครที่คิดเหมือนเรา อย่าไปทึกทักหรือด่วนสรุปว่าเขาเป็นพวกเรา
หรือเขาเป็นคนเสื้อแดง เขาอาจเกลียดรัฐบาลเหมือนเรา
แต่ในขณะเดียวกันเขาก็เกลียดสีเสื้อต่าง ๆ เหมือนกัน
บางคนเกลียดทั้งเหลืองแดง บางคนเกลียดสีเดียว บางคน เกลียดสีหนึ่ง
เฉย ๆ กับอีกสีหนึ่ง บางคนชอบเจ้าและชอบทักษิณ บางคนไม่ชอบทั้ง
2 อย่าง สรุป เจอแต่ร้อยพ่อพันแม่ นี่คือความหลากหลายทางชีวภาพ
ของมวลมนุษย์
อย่าไปเข้าใจว่าทุกคนเข้าใจภาพลักษณ์ของคนเสื้อแดงว่าเป็นพระเอก
ผู้รักษาประชาธิปไตย ทำเพื่อคนส่วนรวม ภาพจากสื่อต่าง ๆ ที่ออกไป
สมัยสงกรานต์เลือด การปิดถนน ปิดอนุสาวรีย์ การบุกพัทยายุติการประชุม
ระดับชาติ การทุบรถนายก รถนิพนธ์ พร้อมพันธ์ การยึดรถแก็ส ฯลฯ
สิ่งเหล่านี้ ชาวบ้านยังไม่เข้าใจ จริงอยู่การยึดสนามบิน การยึดทำเนียบ
เขารู้แล้วว่าเสื้อหลืองทำ เขารู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง แต่ก็ไม่ได้หมายความ
ว่าเขาเกลียดทางโน้นแล้วจะต้องหันมาเชียร์คนเสื้อแดง
- การคงอัตลักษณ์ด้วยการใส่เสื้อแดงทำได้ในบางครั้ง
แต่ไม่จำเป็นต้องทำทุกครั้ง ขึ้นอยู่กับสถานะการณ์
การรบเพื่อชัยชนะ จะไม่มีรูปแบบ เพราะถ้ามีรูปแบบ เขาจับได้
แก้ทางถูก ต้อง ลับ ลวง พราง เอาศัตรูของศัตรูเป็นมิตร
แกล้งกล่าวหามิตรเป็นศัตรู เหมือนการเล่นฟุตบอลแต่ละนัด
เจอแต่ละทีมไม่เหมือนกัน ต้องปรับแท็คติคตลอดทุกนัด ตลอดเวลา
คู้ต่อสู้เอากองหน้าร่างโย่งลงเพื่อใช้ลูกฆม่งในการทำประตู
เราก็ต้องเอาแบ็คร่างโย่งลงประกบ เขาเอาไอ้โย่งออก เอากองหน้าตัวเล็ก
ว่องไวเลื้อยเก่งลงเล่นแทน เราก็ต้องเปลี่ยนตาม ดังนั้นกลยุทธของคน
เสื้อแดงในแต่ละเหตุการณ์ควรปรับเปลี่ยนไปด้วย
ตัวอย่าง สมัยก่อนเขาใช้ทหาร เดี๋ยวนี้เขาใช้ศาล
เขาเอาศัตรูคือเนวินมาเป็นมิตร เขาใส่เสื้อแดงทำลายคนเสื้อแดง
ฯลฯ แล้วจะตามมาเรื่อย ๆ ล่าสุดอาจจะจัดเวทีคนเสื้อแดง
พูดหมิ่นแล้วออกข่าวไปทั่ว วิชามารแบบนี้เขาทำมานานเป็น 10
ปีแล้ว ดังนั้นเราต้องปรับกลยุทธของเราบ้าง
เวลาลงภาคสนาม เราจะไม่ไปบอก แต่จะปล่อยให้เขาคุย ให้เขาระบาย
ให้เขาออกความเห็น ถามเขาไปเรื่อย ๆ คิดยังไง ทำไมถึงคิด ถามไป
เรื่อย ๆ เดี๋ยวเขาก็จะเกิดสติปัญญาเอง เราเป็นเพียงคนชี้แนะ เป็นสหาย
ไม่ใช่เป็นอาจารย์ ไม่มีใครชอบให้ใครไปสอนใคร ถ้าทำให้เขาตาสว่าง
และคิดเองได้ ด้วยหลักการและเหตุผล เขาจะภูมิใจ และจดจำแม่น
และจะเป็นแนวร่วมที่ดี
สรุป ลุงอยากให้มีการ Brainstorm ระหว่างพวกเราเพื่อ
หาแนวทางรบและรุกไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะได้รับชัยชนะ
แต่ขอเป็น Positive และ Creative Idea
ไม่ใช่ Negative หรือ Passive หรือ Destructive
(ความคิดเชิงบวก สร้างสรรค์ ไม่ทำลายล้างซึ่งกันและกัน)

ใช้เหตุผล อย่าใช้อารมณ์ เอาอัตตา ความอิจฉา
ความชอบ ความไม่ชอบ ความยึดมั่นถือมั่น
ในความเห็นของตนเป็นใหญ่
(เอาสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ ออกจากปัญหา ออกจากข้อถกเถียง)
อย่ายึดมั่นในตัวบุคคล ขอให้ยึดหลักการความเป็นสากล
ในการแก้ปัญหา
ทำจิตว่างฟังความคิดเห็นของซึ่งกันและกัน
หาข้อดี ข้อเสีย มาถกกัน ในโลกนี้ไม่มีอะไรดีไปหมด
หรือเสียไปหมด ระบบประชาธิปไตยคือระบบที่เลวน้อยที่สุด
มีข้อดีมากกว่าข้อเสีย
อย่าต่อว่ากันว่าเป็นแดงเทียม แดงเนียน เหลืองซ่อนรูป
สุดท้าย อยากให้ทดลองคิดกรอบดูบ้าง

เหมือนสมัยโบราณที่ปีธากอรัสที่คิดนอกกรอบว่าโลกเราน่าจะกลม
ไม่ใช่แบน เหมือนพระุพุทธองค์ที่ค้นพบหลักธรรมชาติของมนุษย์
ทั้งโลก ว่าทุกอย่างที่เป็นผลเกิดจากมาความคิดและการกระทำของ
เราทั้งสิ้นไม่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใด ๆ มาทำหรือมากำหนดให้เราเป็นเช่นนั้น
เช่นนี้ การอยู่บนโลกอย่างมีความสุขร่วมกัน เพียงแค่ คิดดี ทำดี พูดดี
ต่อกัน อีกนัยหนึ่งละชั่วหรือละในการสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่นและ
ตนเอง (อบายมุข กิ๊ก ฯลฯ) ทำดีกับเพื่อนมนุษย์ และทำใจให้สงบเพื่อ
ต่อสู้กับกิเลสในใจ (ทุกข์เพราะอยาก ทุกข์เพราะยึด ทุกข์เพราะคิด)
ที่สอนกันในเรื่องสววรค์ นรก นอกโลก เทวดา สิ่งศักดิ์สิทธิ์
ก็คือกุศโลบายในการสอนบัวใต้น้ำ หรือสอนคนสมัย2500 ปีมาแล้ว
ที่ยังไม่มีปัญญาพอที่จะดับทุกข์ด้วยตนเอง เลยถูกเจ้าลัทธิหลอกลวง
ให้นับถือ ศิวะ นารายณ์ คนครึ่งสัตวพิฆเนศ ฯลฯ
เช่นการสอนที่บอกว่า พระพุทธองค์ เกิดแล้วเดินได้เลย 7 ก้าว
คือการแก้ลำ เอาคนธรรมดาถึงแม้ว่าจะเป้นราชาก็ตาม
ไปหักล้างกับพวกเทพ ก้ต้องเอาคนธรรมดามาสมมติเป็นเทพ
เพื่อสู้กับเทพ เหมือนสมัยนี้เด๊ะ คนไทยหลายสิบล้านคน
กัยังคงติดฝิ่นงมงายกับเทวดาจำแลงอยู่
สมัยโบราณ มีเรื่องสำคัญที่สุด 2 ประการ คือการหาเลี้ยงปากท้องด้วยการกสิกรรม ต้องพึ่งธรรมชาติ และการป่วยไข้ ที่คนจะไม่รู้สาเหตุ ดังนั้น พ่อมดหมอผีเจ้าลัทธิจึงเข้ามีบทบาทกลายเป็นที่พึ่งทางใจทางจิต ทางพิธีกรรม บวงสรวง ขอฟ้าขอฝน ขอสิ่งศักดิ์
สิทธิ์ หลอกปรุงยาหม้อให้คนป่วยกิน คนป่วยไม่หาย กลัวเสียชื่อ บอกว่าผีสิงเอาคนป่วยไปฆ่า แต่ปัจจุบัน ระบบชลประทานดี การแพทย์ก้าวหน้า เรื่องพวกนี้ก็ซาไป
แต่เจ้าลัทธิบางคนเพาะเชื้อชั่วไว้หลอกแดกแบ่งแยกศาสนาพุทธออกเป็นนิกายต่าง ๆ แล้วแปลงตนเป็นอวตารแอบอ้างบ้า ๆ บอ ๆ
รอองค์ใหม่มาเกิด ไร้สาระ ทำมาหากินกับคนด้วยการ
สร้างความหวัง ขายบุญ ขายวีซ่าไปสวรรค์ ทุกวันนี้
ถ้าเราลด ละ เลิกกิเลสได้ เราก็คือปัจเจกพระพุทธเจ้า
ไม่ต้องรอใครมาอวตารหรอก

ขอบคุณลุงธรรม และเว็บบอร์ดประชาไท

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น