ค้นหาบล็อกนี้

วันพุธที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

"หมากเกมนี้ ฉันก็รู้ว่าจะต้องลงเอยอย่างไร"

"หมากเกมนี้ ฉันก็รู้ว่าจะต้องลงเอยอย่างไร"

ฟังเพลงนี้กันเพลิน ๆ อย่าไปคิดว่าผมจะรู้อะไรทะลุปรุโปร่ง ไปเสียทุกเรื่อง ผมก็เมียงมองในเวปบอร์ดการเมือง และภ้าไม่ติดภารกิจเดินดุ่ม ๆ ไปร่วมกันคนเสื้อแดงทุกครั้งที่ชุมนุมกัน
การ ที่คุณวีระ โยนประเด็นนี้ออกมาดังโครม เมื่อคืนวันที่ 27 ที่ผ่านมา นอกจากสร้างความสะเทือนไปทุกวงการไม่ว่าสื่อ รัฐบาล หรืออะไรก็แล้วแต่ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนกองทัพประชาชนทั้งที่เล่นอินเตอร์เนท และไม่เล่นได้มหาศาล
กลายเป็นประเด็นร้อน ที่ดู ๆ แล้วอาจบานปลาย จนเป็นเหตุที่คาดไม่ถึงได้
ผม ว่าคุณวีระก็รู้ ว่ากำลังทำอะไรอยู่ ถ้าผมเป็นคุณวีระ ผมก็ต้องนึกในใจบ้างหละ (ว๊ะ) ว่า จะได้รับการตอบสนองในทางบวกหรือลบ กลับมากี่เปอร์เซนต์
หรือเป็นเพียงกลเกมบางอย่าง ที่ได้สร้างเกราะให้กับคนเสื้อแดงว่า ได้พยายามรอมชอมอย่างที่สุดแล้ว
เมื่อทุกอย่างเงียบสงบ คนเสื้อแดงก็ไม่มีทางเลือก
ซึ่ง นั่นก็จะหมายถึง ขออภัยคนทั้งประเทศล่วงหน้า กับการชุมนุมที่อาจต้องสร้างความไม่สะดวกในการสัญจร เนื่องจากจำนวนผู้ร่วมชุมนุม มันจะมากขึ้น ๆ ไม่ว่าอนุสารรีย์ประชาธิปไตย กองทัพบก ไปจนถึงทำเนียบรัฐบาล
เลิกพูดกันได้แล้วหละครับ คุณทักษิณ ยังไม่ใช่นักโทษ
หุ หุ หุ หุ ไปถามหมาถามแมวที่บ้านผม ถ้ามันพูดได้มันก็บอกว่า งานนี้เขากะเอาตาย
ผม ประทับใจนะ ที่คุณวีระพูด ตอนตี 4 แม้ตอนนั้นจะง่วงสุด ๆ (ฮา) ถึงระบบอำมาตย์ คืออะไร การเปลี่ยนแปลงการปกครอง ตั้งแต่ 2475 การเอาคืน การผลัดกันแพ้ชนะ ในประวัติศาสตร์
คุณวีระ รู้ว่าอะไรมันคืออะไร
แต่ การเล่นหมากรุก มันต้องมองทั้งกระดาน เรือ ม้า โคน ขุน ไปจนถึงเบี้ยคว่ำ เบี้ยหงาย มันสำคัญ และต้องผูกกันทั้งกระดาน ไม่งั้นเดินหมากผิด***** เราอาจแพ้ทั้งกระดาน
ยุทธศาสตร์การขออภัยโทษ น่าจะเป็นการเช็คกำลัง และสื่อถึงจำนวนคนที่พร้อมใจกันเปล่งเสียงออกมาว่า มหาศาลขนาดไหน ไม่จำเป็นต้องหวังผล แต่ในทางยุทธศาสตร์ ผมถือว่าสำคัญ
สำหรับท่าน ๆ ที่ก้าวพ้นจุดไปแล้ว แม้ไม่เห็นด้วย ก็ไม่ต้องออกมาโจมตีว่ามันเป็นสิ่งที่เสียหาย หรือไม่สมควร ก็เฉย ๆ เสีย ไม่ยินดียินร้าย เหมือนกับบริจาคเงินนั่นแหละ ผ้าป่ากองนี้ ผมไม่ศรัทธาก็ไม่ต้องหยอดเงิน ลงไป ไม่ใช่มาห้ามกันอย่างโน้นอย่างนี้ รังแต่จะทะเลาะกันเสียเปล่า ๆ
ผมว่า จริง ๆ คนหลายกลุ่มรู้ว่า แดงเป็นกลุ่มปัจเจก สู้เพื่อใคร สู้เพื่ออะไร ปะปนอยู่ร่วมกันมาตั้งแต่ วันสนามรัชมังคลาแตกแล้ว
หาก แดงปัญญาชน คนหนุ่มสาว มองมาที่คนรากหญ้าหัวใจซื่อ ๆ เขาจะทำอะไรเพื่อคนที่เขารักศรัทธา อันเป็นความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ บ้าง ก็มองแบบผ่าน ๆ ไปซะ อย่าเก็บเอามาเป็นประเด็นคิด ถกกันจนวงแตกเลยครับ
พวกเขาจะเอาไปเป็นจุดอ่อน โจมตีพวกเราเสียเปล่า ๆ
นาทีนี้ เรามีภารกิจที่สำคัญในการเดินหน้าร่วมกัน ในสงครามประชาชนอีกหลายภารกิจนัก
จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา
ปล. ผมไม่ได้อยู่วงใน วงนอก ใกล้ชิดใคร ในแวดวงกรเมือง เป็นแค่ราษฏรเต็มขั้น คนหนึ่งที่ร่วมต่อสู้กับคนเสื้อแดงคนหนึ่งแค่นั้นเอง

*******************************
อันนี้เพิ่งเขียนตอนเช้าวันนี้
ผมไม่รู้นะว่าทำไมเครื่องเรารวน...
เพราะอะไร
เหนื่อยล้า
ขัดใจ
เสียความรู้สึก
เพราะแนวทางการต่อสู้มันไม่ได้ดั่งใจของเราทั้งหมดหรือ
แดงมาจากร้อยพ่อพันแม่ มีตั้งแต่ยากจนติดดินไปยันไฮโซ (แต่ไฮโซต้องปิด ๆ บัง ๆ กระมิดกระเมี้ยนหน่อย เดี๋ยวหม่อมแม่ที่บ้านจะค้อน)
แดงมีทั้งปัญญาชน เสรีชน ไปยันคนปลูกข้าวมาตั้งแต่เกิด
เราจะให้เห็นพ้องกันไปทั้งหมดได้อย่างไร
ลองเอาคนสิบคนความรู้ใกล้เคียงกันมานั่งวินิจฉัยปัญหาสักข้อรับรอง ก็ต้องมีคนเห็นไม่เหมือนกันทั้งหมด
ผมไม่ใช่ท้าวมาลีวราชจะมาหย่าศึก
ระหว่างใครกับใคร การสัปยุทธ ทางด้านความคิด เป็นเรื่องที่ดี
แต่ใคร่ขอให้พิจารณาถึงคำว่า กาละเทศะ ว่าอะไรควรนำมาถก อะไรควรนำมาตีแผ่
หรืออะไรควรไปพูดกันในวงใน
ไม่ใช่ไม่ถูกใจกู กูเล่นแมร่งเลย
อันนี้ไม่น่ารัก ...
สงครามใหญ่หรือเล็ก มันไม่ใช่ยุทธโธปกรณ์ที่เหนือกว่า
แต่มันอยู่ที่หัวใจ ผมเห็นพวกเขายืนแช่โคลนที่วัดไผ่เขียว กับสู้ฝนที่สนามหลวงแล้ว
ผมหมดคำถามว่า " หัวใจ " ของพวกเขายิ่งใหญ่แค่ไหน
คู่ต่อสู้ทันสมัย ในยุทธการ หรือมีการอำนายความสะดวกที่ดีกว่า
มันไม่ใช่หมายความว่าจะเป็นผู้ชนะเสมอไป
ไม่งั้นสหรัฐ ไม่หางจุกตูดออกมาจากเวียนนามหรอก
อะไรก็แล้วแต่ อย่าทำลายกำลังใจไพร่พล
หากมันแน่ชัดว่า เขาทำเพื่อคน คนเดียวโดยละทิ้งประชาชน
ผมคนหนึ่งหละ จะพิจารณาถึงพฤติกรรมทางการเมืองของตนเอง ซึ่งก็คงมีกำลังพลเพียงผมแค่คนเดียวหละ ( ฮา....) ว่าจะร่วมต่อสู้ต่อไปหรือไม่
หัวใจสีแดงไม่มีคำว่าใครเหนือไปกว่าใครหรอกครับ
ผ่าน 19 กันยายน 2549 มาจนถึงวันนี้
ลอง หลับตานึกถึงวันแรก ๆ หลังมันเอาปืนปล้นอำนาจที่ วรัญชัย โชคชนะ ไปยืนถือโทรโข่ง ด่า คมช. บนเก้าอี้พลาสติก กับมีคนแก่ ๆ มายืนถือตะเกียงน้ำมันวับ ๆ แวม ๆ มีคนยืนตบมือให้กำลังใจกันอยู่แค่ 10 กว่าคน และมีทหารนอกเครื่องแบบมายืนคุมเชิงเราอีก 30 (ฮา)
จนถึงวันนี้...
วัน ที่เราลุกขึ้นมายันมันด้วยตรีน โดนปาก โดนจมูก ของพวกจนมันถอยกรูด ๆ ลงไปเล่นยุทธวิธีใต้ดิน ที่มันคิดว่ามันเนียนที่สุด แต่ก็ทำอะไรเราไม่ถนัด เพราะเรารู้ทัน
ยุทธศาสตร์ มันอาจจะดูแหม่ง ๆ ขัดอกขัดใจอะไรเราบ้าง แต่การลงมาฟัดกันเองของความแตกต่างด้านความคิดจนไพร่พล เสียกำลังใจ มันได้คุ้มเสียกันหรือเปล่า (ว๊ะ)
อย่าลืมว่า คนที่เดินไปที่สนามหลวง ไปด้วยตีน อันมีคำสั่งมาจากหัวใจอันมั่นคง...
ไม่ได้จ้างมา จะได้ทำตามคำสั่งซ้ายหันขวาหันโดยไม่พิจารณาว่าอะไรคืออะไร
ถ้ามันเหนื่อยหนัก (หัวใจ) มันล้า มันหงุดหงิด
ไปทบทวนตัวเองนอนผึ่งพุงกินปูนึ่ง นอนบนเปลยวนฟังเสียงคลื่นริมทะเลซักสองสามวันก่อนก็ได้
เมื่อรู้แล้วว่าต้องการอะไรอย่างแท้จริง ค่อยลงมาลุยกันใหม่

**'งานเขียนของคุณสายลมรัก(1)
เว็บบอร์ดประชาไท
วันที่ 1-7-52***

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น